รีวิวหนัง The Black Phone
ดูเหมือนช่วงนี้ นายแพทจะห่างหายจากการดูหนังสยองขวัญไปนิดหน่อย หันไปสนใจแอนิเมชันและดูซีรีส์มากไปนิด แต่แล้วก็พบว่า บ้านเรากำลังจะมีหนังเรื่องใหม่ที่ผสมผสานทั้งความเป็นหนังระทึกขวัญประสมกันไปกับความสยอง เลยต้องขอพาตัวเองกลับไปสู่ความระทึกกันอีกครั้งกับหนัง ‘The Black Phone’ ชื่อไทย ‘สายหลอน ซ่อนวิญญาณ’ ดูหนังออนไลน์
ผลงานเรื่องใหม่จากผู้กำกับ Scott Derrickson ที่เคยทำทั้งหนังซูเปอร์ฮีโร่ขวัญใจสาวกมาร์เวลาอย่าง ‘Doctor Strange’ หรือหนังไซไฟระทึกขวัญ ‘The Day the Earth Stood Still’ แต่ถ้าจะพูดถึงกระบวนหนังแนวสยองขวัญก็ไล่กันไปตั้งแต่ ‘Sinister’, ‘Deliver Us from Evil’ และ ‘The Exorcism of Emily Rose’ เชื่อว่า หลายคนน่าจะเคยผ่านตามากันบ้างแล้วล่ะ ถ้าอย่างนั้น วันนี้ เรามาว่ากันด้วยหนังใหม่ที่เขาทั้งเขียนบททั้งกำกับเรื่องนี้กันเลยดีกว่า ดูหนังฟรี
รีวิวหนัง The Black Phone เรื่องย่อหนัง
ย้อนกลับไปในวันเก่าๆ หนังเล่าเรื่องของ ฟินนีย์ ชอว์ (Mason Thames/เมสัน เธมส์ นี่คือผลงานเรื่องแรกของเขา) เด็กชายขี้อายแต่ชาญฉลาดวัย 13 ปี ที่มีชีวิตวัยเด็กอยู่ระหว่างบ้านกับโรงเรียน ในบ้านเขาอยู่กับพ่อที่ค่อนข้างขี้เหล้าและเข้มงวดเกินพอดี และน้องสาว เกว็น (Madeleine McGraw คนที่พากย์เป็นเคที่วัยเด็กในหนังเรื่อง ‘The Mitchells vs the Machines’ และแสดงเป็นโฮปวัยเด็กใน ‘Ant-Man and the Wasp’) ที่มีความสามารถพิเศษเหมือนแม่คือ มักจะฝันเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงได้ หนังสืบสวน สอบสวน อาชญากรรม
วันหนึ่งฟินนีย์ถูกฆาตกรซาดิสต์ผู้ได้รับฉายาจอมฉุด ‘The Grabber’ (Ethan Hawke/อีธาน ฮอว์ก จากซีรีส์เรื่อง ‘Moon Knight’ และหนังอย่าง ‘Boyhood’) ลักพาตัวเขาไปขังอยู่ในห้องใต้ดินเก็บเสียง ทำให้เขาไม่สามารถจะกรีดร้องใดๆ เพื่อให้คนมาช่วย แต่ในห้องนั้นมีโทรศัพท์เครื่องสีดำที่สายสัญญาณถูกตัดอยู่เครื่องหนึ่ง
แต่แล้วจู่ๆ โทรศัพท์ไร้สัญญาณเครื่องนั้นก็เริ่มส่งเสียงดัง ฟินนีย์จึงค้นพบว่า ตนสามารถพูดคุยกับเหยื่อคนก่อนๆ ของฆาตกรรายนี้ได้ ความพยายามหนีให้รอดจากฆาตรใจโฉดเริ่มต้นขึ้น พร้อมกับการใช้ความสามารถพิเศษของเกว็นเพื่อช่วยฟินนีย์พี่ชายของเธอ
สายหลอน ซ่อนวิญญาณ
เริ่มต้นเลย หนังให้ความรู้สึกย้อนยุคกลับไปในอเมริกาในวันเก่า เรื่องราวที่เล่าถึงชีวิตวัยเรียนของฟินนีย์และเกว็น ที่อยู่ท่ามกลางผองเพื่อน ห้องเรียน และกีฬาเบสบอล ช่วงเวลาเริ่มต้นนั้นเริ่มเห็นเค้าลางของความไม่ชอบมาพากลตั้งแต่ไตเติลก่อนที่เราจะเริ่มเห็นการล่าเด็กของชายลึกลับที่มากับรถตู้คันสีดำ ด้านหลังบรรทุกลูกโป่งสีดำ จนวันหนึ่งฟินนีย์ก็กลับกลายเป็นเด็กผู้เคราะห์ร้ายเสียเอง และเมื่อเขาถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินนั้น เขาก็พบโทรศัพท์ที่ติดอยู่บนผนังนั้นมันก็เป็นเครื่องสีดำ
ทุกอย่างของ The Grabber แทบจะมีแต่สีดำดูท่าเขาคงจะพิศมัยในสีนี้เป็นพิเศษ
ถือเป็นเคราะห์ดีที่มาในยามเผชิญหน้ากับเคราะห์ร้าย แม้ฟินนีย์จะถูกคนร้ายโรคจิตจับมาขังไว้ในห้องใต้ดินที่ไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ แต่เขาก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากสองทาง หนึ่งคือเสียงลึกลับในสายโทรศัพท์ที่ดังก้อง ทั้งที่สายของมันถูกตัดไป สองคือ เขามีเกว็น น้องสาวผู้มีพลังความฝันแม้เธอจะควบคุมมันไม่ได้
พล็อตอันโดดเด่นไม่เหมือน
หนึ่งคือมันเป็นหนังที่มีกลิ่นอายแห่งการคารวะหนังยุค 70’s แม้ส่วนใหญ่ของหนังจะใช้ภาพอันคมชัดแต่ก็ย้อมสีให้ดูเก่า ขณะเดียวกันก็ใช้ภาพแบบเกรนแตก เมื่ออยู่ในความฝันของเกว็น สองคือ มันเป็นหนังที่พล็อตมันคือหนังระทึกขวัญแต่แทรกเล่าเรื่องสยองขวัญไว้อยู่ข้างใน
ที่ได้ชมจะต้องระทึก เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นใครกันที่ โทรมาทั้งที่ไม่ได้ต่อสาย นอกจากจะบ่งบอก ถึงปณิธานที่มีร่วมกันแล้ว ยังบ่งบอกความดิ้นรนไม่ยอมแพ้ของฟินนีย์ เด็กชายที่หนังปูไว้ตอนต้นว่าเขาช่างเกิดมาโชคดี มีคนรอบข้างคอยโอบอุ้มช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่เวลาโชคร้ายมาถูกกักขังไว้
ในบางเวลาหนังก็เล่นช็อตที่ชวนรู้สึกน่ากลัวขึ้นมา บางเวลาก็เล่นช็อตตุ้งแช่ให้สะดุ้งตกใจ ซึ่งก็ไม่ได้มากจนเฝือ แต่พอมาก็ทำให้สะดุ้งได้จริงๆ
และหนังก็ไม่ได้พาเรา ให้ระทึกขวัญแต่เพียงอย่างเดียว เพราะระหว่างทาง เขาก็ใส่มุกขำๆ แทรกให้คนดูได้ยิ้มและหัวเราะคิกๆ เป็นระยะด้วย คาแรกเตอร์ของเกว็นคือน้องสาวที่มีความแกร่งและสีสันความขายขำผสมกันไป เมื่อพี่ชายถูกจับตัวไปและเธอมีพลังแห่งความฝัน เธอก็พยายามอ้อนวอนพระเจ้าขอให้ฝันอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์
รีวิวหนัง The Black Phone สรุป
หนังเล่ามาทุกอย่าง เพื่อจัดหนักจัดเต็ม ในช่วงท้าย นายแพท ชอบที่เขาทำตอนจบ เอาไว้ได้น่าประทับใจ โดยรวม หนังอาจจะไม่ได้ระทึกมาก ตลอดเวลา มีแผ่วบ้าง มีแรงบ้าง ระคนกันไป แต่ชอบ ในการเล่าเรื่อง ที่เล่นกับงานภาพ และกรรมวิธี หลายหลากของการช่วยเหลือ และเอาตัวรอด ไปจากเงื้อมมือ ของตัวร้าย เสียงโทรศัพท์ อาจเป็นเสียงประกอบ ที่ทรงพลัง มากที่สุด ในหนังเรื่องนี้ ขณะที่เด็กสองตัวนำ ก็ทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยม
รีวิวหนัง The Black Phone รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Black Phone / สายหลอน ซ่อนวิญญาณ |
กำกับ | Scott Derrickson/สก็อต เดอร์ริคสัน |
เขียนบท | Scott Derrickson, C. Robert Cargill, Joe Hill (based on the short story ‘The Black Phone’ by) |
แสดงนำ | Ethan Hawke/อีธาน ฮอว์ก, Mason Thames/เมสัน เธมส์, Madeleine McGraw, James Ransone, Jeremy Davies, Rebecca Clarke |
แนว/ประเภท | Thriller, Horror |
เรท | R |
ความยาว | 103 นาที |
ปี | 2021 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 13 กรกฎาคม 2022 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Universal Pictures, Blumhouse Productions, Crooked Highway |
สายหลอน ซ่อนวิญญาณ
พล็อตและบท – 7.5
การแสดง – 7.6
การดำเนินเรื่อง – 7.6
เพลงและดนตรีประกอบ – 7.3
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน – 7.9
7.6
The Black Phone
หนังทริลเลอร์ปนสยองขวัญ จากผู้กำกับ สก็อต เดอร์ริคสัน เรื่องนี้ ใส่ความคารวะ หนังสยองขวัญยุค 70’s เล่าเรื่องระทึก ของเด็กชายผู้ถูกฆาตกรโรค จิตจับขังใต้ดิน เหมือนจะไร้ทางหนี แต่กลับมาผู้คอยช่วยเหลือเขาอยู่ ทั้งสายลึกลับ และน้องสาวที่มี ความพิเศษเกี่ยวกับความฝัน ชอบในการใช้งาน ภาพช่วยเล่าเรื่อง แถมยังใช้ความตุ้งแช่ มาช่วยเป็นครั้งคราว ก่อนจะนำไปสู่ตอนจบที่น่าประทับใจ