ซึ่งตอนนี้นั้นได้มี Series จาก Disney ที่เล่าเรื่องราวของโลกิไว้ก่อนแล้ว ซีรีย์ทั้งสองตัวนี้บอกว่าจักรวาล Marvel นั้นเป็นแกนหลักที่สำคัญ และปัญหาครั้งใหญ่ที่พวกฮีโร่นั้นต้องเผชิญและรับมือกับมันให้ได้ ซึ่งถ้าทุกคนสังเกตนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเห็นความโกลาหลที่ปรากฏขึ้นอย่างเป็นร่างและเป็นรูปมากขึ้น และสไปเดอร์แมนที่เป็นฮีโร่หลักตัวแรกๆนั้น ต้องมาแบกรับความโกลาหลครั้งนี้แบบชัดเจน ไปอ่านบทความรีวิว spider-man no way home ด้านล่างกันได้เลยครับ
เนื้อเรื่องย่อ สไปเดอร์แมน โนเวย์โฮม ลูกรักของจักรวาล Marvel
แต่นั่นมันเป็นปัญหา เพราะว่าการร่ายมนต์สะกดในครั้งนี้นั้นดันมีความผิดพลาด แล้วได้ดึงเอ่ตัววายร้ายสำคัญ ของสไปเดอร์แมน จากมัลติเวิร์ดอื่น เข้ามาแทนด้วย นั่นแหละสิ่งที่ ปีเตอร์ปาร์คเกอร์ต้องแก้ไข เรื่องที่เขานั้นได้เป็นคนสร้างปัญหานี้ขึ้นมา และในสุดท้ายนี้เขาจะต้องต่อสู้กับเหล่าวายร้ายที่เขาได้เรียกมา เขาจะทำได้หรือไม่ และเรื่องราวทั้งหมดนั้นจะเป็นอย่างไร ผมแนะนำว่าให้ทุกคนนั้นไปดูด้วยตัวเอง แล้วจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
พูดถึงตัวบทของ spiderman no way home
เอาล่ะส่วนแรกที่เราจะพูดถึงคือ บทในภาคนี้ไม่ได้มีอะไรที่ตาตรึงใจเท่าไหร่ เป็นบททั่วๆไปที่เป็นมาตรฐาน ไม่ได้ซับซ้อนเลยมีความลึกซึ้งอะไรขนาดนั้น เน้นความบันเทิงและเข้าใจง่ายเป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงจะบอกแบบนั้น ก็ต้องยอมรับว่าตัวบทนั้นก็ยังไม่ได้อ่อนแอจนเกินไปอย่างแน่นอน ถือว่าทำออกมาได้ดีเลย และมีความอบรมอิ่มเอมได้อย่างพอเหมาะพอควร ไม่ว่าจะเป็นความดราม่า ความรัก แล้วแม้แต่การพัฒนาการของตัวละครในเรื่อง ความสนุกสนานในแบบของสไปเดอร์แมน ที่ยังมีความเป็นวัยรุ่นอยู่
แต่ถ้าให้พูดตรงๆก็คือเรามองว่าตัวบทนั้นยังสามารถทำออกมาได้แจ๋วกว่านี้ แต่รวมๆก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยล่ะ แล้วถ้าหากพูดถึงในส่วนของการดำเนินเรื่องแล้วก็ ในส่วนนี้ผมก็จะมองว่าทำได้สุดยอดเหมือนเดิม ในฉบับของ Marvel ไม่ว่าการจะเป็นเรื่องของการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่ายมีความกระชับ มีหลายๆเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ตื่นตาตื่นใจตลอดทั้งเรื่อง ทำให้การดูตลอดทั้งเรื่องนั้นมีความน่าติดตามและโฟกัสได้ที่หนังได้ตั้งแต่ต้นยันจบ ไม่มีช่วงไหนที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันน่าเบื่อเลยสักนิด ถือว่าดูสรุปและเพลิดเพลินมากๆ
ด้านการแสดงของนักแสดงวายร้ายทั้ง 5 และ ไอ้แมงมุม
แต่เรานั้นก็ไม่ได้ตื่นอกติดใจอะไรมากเท่าไหร่ พอก่อนที่เขาจะมาเล่นหนังแนวฮีโร่นั้นเขาเคยแสดงหนัง แนวดราม่าความรักมาหลายเรื่องแล้ว แต่เรื่องนี้นั้นเขาก็ทำได้โดดเด่นอยากเห็นได้ชัดเลยล่ะ เห็นในบทนั้นก็ยังชงให้เขาอีกมันเลยออกมาได้อย่างแจ่ม และสุดยอด ส่วนนักแสดงที่อยู่ในเรื่องหลายๆตัว ก็แสดงได้ออกมาอย่างดีทุกคนเลย
โดยวายร้ายที่มาจากภาคเก่าๆนั้นทุกคนคือสวมสมบทบาทเดิม และคนที่โดดเด่นชัดๆนั้นห่มผ้าไม่ได้ที่จะยกให้ willem Dafoe ที่เขานั้นรับบทเป็น กรีน ก็อบลิน เอาตรงๆพี่แกนั้นแสดงได้อย่างเด่นอ่ะ ทำได้ยอดเยี่ยมมากเลยจริงๆ เขานั้นได้สุดยอดเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โดยส่วนที่ชอบนั้นก็คือฉากที่สู้กันในอพาร์ทเม้นท์ เป็นฉากที่ดูแล้วรู้สึกว่าชอบมากที่สุดเลย เขานั้นแสดงออกมาได้ น่ากลัวจนเรารู้สึกว่ากลัวจริงๆ เวลาที่เขาปรากฏตัวออกมานั้นทำให้เรารู้สึกว่ามันต้องมีความอันตรายเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ส่วนนี้แหละถือว่าเป็นส่วนที่ทำได้ยอดเยี่ยมสุดๆ ถ้าสรุปโดยรวมแล้วในด้านของการแสดงไม่มีอะไรที่เกิดปัญหาและมีข้อด้อยเลย
งาน Production และงานภาพ ของ สไปเดอร์แมน โนเวย์โฮม
ด้านของงานโปรดักชั่นนั้น ก็ยังจัดเต็มนี่เช่นเคย ทำออกมาได้สุดยอดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการออกแบบตัวละคร ฉากที่เป็นฉากแอ็คชั่นนั้นก็ซัดกันมาแบบเต็มเหนี่ยว เสื้อผ้าและชุดแต่ละอย่างนั้นก็ทำออกมาได้อย่างลงตัว
โดยรวมแล้วคิดว่าภาคนี้นั้นจะทำได้ดีกว่าภาคอื่นๆเลย ไม่ใช่แค่นิดหน่อย แต่งแตกต่างและดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในภาพนี้นั้นมันยิ่งใหญ่จนทำให้เราคิดว่า มันคือ Avengers Infinity War ในปี 2018 เลยก็ว่าได้ คืองานนี้เขาเล่นใหญ่จริงๆ ตัวละครมาแบบจัดเต็ม และตัวละครแต่ละตัวนั้นเรียกได้ว่าเป็นตัวละครในความทรงจำของให้หลายๆคนอย่างแน่นอน แค่เข้าไปดูตัวละครในเรื่องนั้นก็รู้สึกว่าฟินกันไปทำตามกันแล้ว
พูดได้เลยว่าเป็นหนังที่สนุกไม่ได้เน้นเป็นแฟนให้ติดตามอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทุกอย่างนั้นทำมาได้อย่างครบรส มันไม่น้อยจนเกินไปและมากจนเกินไป แม้ว่าในเรื่องของบทนั้นจะมีข้อดีให้เราติอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นส่วนน้อยถ้าดูข้อดีแล้วถือว่าทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ
ส่วนที่ชอบมากที่สุด ใน สไปเดอร์แมน โนเวย์โฮม
ถ้าหากพูดถึงส่วนที่ผมชอบนั้นก็คือ วิธีการเล่าเรื่อง เป็นส่วนที่ผมจะพูดถึงเป็นอย่างแรกเลย เพราะว่าตัวหนังนั้นได้แต่ระดับของการเล่าเรื่องจากเรื่องเล็กๆไปหาเรื่องใหญ่ จนไปถึงระดับจักรวาลได้อย่างถี่ถ้วนและมีความละเอียดมากๆ มันจึงทำให้การดำเนินเรื่องในตอนแรกนั้นเชื่องช้าอยู่บ้าง แต่ในความเเชื่องช้านั้นก็มีฉากแอคชั่นที่คอยกระตุ้นให้เรารู้สึกตื่นเต้นอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเขานั้นสามารถสร้างบดได้อย่างฉลาดและลื่นไหลสุดๆไม่มีตรงไหนที่มึงสะดุดเลยสักนิด
โดยที่มีความกระชับในเรื่องของตัวบทโดยที่ไม่ไปเล่าถึงภารกิจและตัวละครอื่นๆเลย พี่ไม่เกี่ยวข้องในการที่เขานั้นเป็นฮีโร่ของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ มากเหมือนในภาคที่แล้ว นั่นแหละคือจุดเด่นที่หลังนั้นจะโฟกัสเฉพาะภารกิจของปีเตอร์ เอ็มเจ และรวมถึง Dr.strange แหมพวกวายร้ายทั้ง 5 แล้วก็ป้าเมย์อีก
จุดที่เราคิดว่าเขาทำอย่างฉลาดก็คือ ถึงแม้ว่าตัวหนังในช่วงหลังนั้นจะเน้นไปที่การ Action แบบจัดเต็ม แต่เขายังสามารถควบคุมแกนหลักในการเล่าเรื่อง ที่แข็งแกร่งนั้นน่าดูเอาไว้ได้ โดยการที่ในเรื่องนั้นพยายามจะลบความทรงจำของผู้คนบนโลกนั่นเอง
เพราะว่าไม่ใช่แค่ปีเตอร์จะต้องรับผลในสิ่งที่เขาทำผิดพลาดแล้ว ตัวเขานั้นยังต้องรักความผิดพลาดครั้งใหญ่อีกด้วยที่บังอาจเข้าไปแทรกแซงในมัลติเวิร์ส และในช่วงท้ายก็โยงมาในตอนเจ้าของปีเตอร์เอง โดยที่เขานั้นต้องยอมรับสิ่งที่ตัวเองทำ และรวมถึงการที่เขาพยายามที่จะลบความทรงจำของคนบนโลกอีกด้วย
และไม่ใช่แค่การต่อสู้กับภัยร้ายเท่านั้นในภาคนี้ เขาต้องยอมรับทางที่เขาเลือกเอง โดยตรงนี้นั้นเราต้องขอปรบมือให้จริงๆที่สามารถคงเรื่องเอาไว้ได้อย่างถี่ถ้วน ในการปูเรื่องในการที่จะตามเก็บรายละเอียดความสะเทือนใจที่เลือกน้ำตาและอย่างสุดยอด แล้วยังเป็นงานทิ้งท้ายที่ทำให้เรานั้นน่าคิดและติดตามกันต่อไป ว่าหลังจากนี้นั้นชีวิตของพระเอกอย่างปีเตอร์นั้น ที่เขาได้เลือกทางวันนี้และได้ยอมรับผลที่เขาทำ เขาจะใช้ชีวิตอย่างไรในฐานะคนที่ทั้งโลกลืมและในฐานะสไปเดอร์แมนต่อจากนี้อย่างไร ในตอนสุดท้ายที่เขาได้ทำและมีความสะเทือนใจมากถึงขี่นนั้น ถ้าถามว่า สไปเดอร์แมนโนเวย์โฮมสนุกไหม บอกตรงนี้เลยว่าสุด
การดำเนินเรื่อง ที่จะนำทางคุณไปสู่มัลติเวิร์ส
ถ้าหากพูดถึงในส่วนของการดำเนินเรื่องแล้วเอาจริงๆ ถึงแม้ว่าตัวหนังนั้นจะปูพื้นที่สู่การเดินหน้าเข้าส่งมัลติเวิร์ส แต่ตัวหลังนั้นก็ยังไม่ได้ลงลึกอะไรไปถึงขนาดนั้น ถึงแม้จะรู้ว่าต้องการจะเอาไว้ไปลงลึกใน
Doctor Strange in the Multiverse of Madness ที่จะออกฉายใน ปี 65 แต่ขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่า ความเป็นมัลติเวิร์ดที่เขาได้รวบรวมและใส่ลงมานั้น เป็นช่างเหมาะกับจังหวะที่เราจะเห็นการ coming ของปีเตอร์ เพราะว่า สไปเดอร์แมน ในภาคก่อนนั้น เราจะได้เห็นพระเอกของเราในบท เรียบๆ และเคียงกับ เฮียโทนี่สตาร์ค ที่ได้รับมอบภารกิจในการต่อสู้และ เผชิญกับฮีโร่เบอร์รอง
แต่ในครั้งนี้นั้น การเปิดโลกของมัลติเวิร์ส ทำให้พระเอกยังปีเตอร์ปาร์คเกอร์ ต้องเผชิญกับเราไปร้ายระดับบิ๊กแมต ในจักรวาลอื่นๆ และพอเอาเข้าจริงๆ ถึงแม้ว่าจะมีคนดังอย่างหมอแปลกมาช่วย มันก็ยังคงมีเหตุผลบางอย่าง ที่ทำให้โทนี่สตาร์คและหมอแปลกของเรานั้นทำไม่ได้เหมือนในภาคก่อนๆ เอาจริงๆ เน็ดและเอ็มเจ ยังมีบทมาช่วยมากกว่าซะอีก อิอิ แต่ขอแบบนั้นแหละ มันคือการที่ทำให้ปีเตอร์เองแม้เติบโตมาเป็นฮีโร่ อย่างแท้จริง และเขาต้องรับบทเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาครั้งนี้ ปัญหาระดับจักรวาลที่เขาสร้างมาด้วยตัวเอง มันคือการปูทางสู่ mcu ในเฟสที่ 4 ได้อย่างดี แล้วทำให้เรานั้นได้เห็นภาพชัดเจนมากกว่าเดิม
แฟนคลับ หนังสไปเดอร์แมน ทอม ฮอลแลนด์3 กรี๊ดสนั่น
ส่วนใครที่เป็นแฟนๆน้องทอมฮอลแลนด์ บอกเลยว่าคงรู้สึกปราบปลื้มกันอย่างไม่หยุด เพราะว่าในภาคนี้ ทอมฮอลแลนด์นั้นโตแล้ว การแสดงของพระเอกเราในภาคนี้ ถือว่าเป็น MVP ของภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ ฝีมือการแสดงที่แสดงเหตุการณ์ ที่สะเทือนใจในเนื้อเรื่อง ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าทอมที่กำลังโตขึ้นนั้น มีความสับสนอย่างจริงจังในช่วงวันนี้หัวต่อของชีวิตจากชีวิตวัยรุ่นมัธยม ที่กำลังเข้าสู่มหาลัย
และด้วยความที่เขาต้องรับผิดชอบบทของสไปเดอร์แมนที่ใหญ่มากขึ้นในระหว่างเหตุการณ์ที่เขาได้โตมา หลังจากนี้มันคงจะยิ่งใหญ่ขึ้นกว่านี้แน่นอนล่ะ จนแอนแอบหลงเชื่อไปแล้วว่า หลังจากนี้ Tom Holland จะเป็นสไปเดอร์แมนแบบที่ยึดติดและแยกไม่ออกแน่นอน เช่นเดียวกับที่ เฮียโรเบิร์ต จูเนียร์ ชอบโดนผู้คนเรียกว่า Iron Man แบบจริงๆจังๆ
จุดเด่นของภาพยนต์ และ จุดด้อยเพียงเล็กน้อย ใน Spiderman โนเวย์โฮม
และส่วนที่สำคัญคือการวางบทบาทให้กับพวกเขาทั้ง 5 คน ในพอร์ตเรื่องที่มีตัวละครเยอะแยะไปหมด แต่ตัวละครวายร้ายทั้ง 5 นั้นสามารถถูกจัดให้เป็นตัวละครที่เด่นชัด แต่ไม่ได้แจ้งซีนจาก Tom Holland เลยแม้แต่น้อยเดียว อย่างที่เรากล่าวไปด้านบนล่ะครับ ว่าคนที่แสดงได้ดีสุดๆ คือคนที่รับบทกรีนก็อบลิน ยังอยู่ willem dafoe ถึงแม้ว่าจะอายุเยอะ แต่ยังทำหน้าที่รับหมดวายร้ายที่น่ากลัวได้เหมือนเดิม ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปดูสไปเดอร์แมนในปี 2002 เลยทีเดียว
ไฮไลท์ของภาพยนตร์ สไปเดอร์แมนที่พลาดไม่ได้
เรียกได้ว่าสไปเดอร์แมนในภาคนี้ ไม่มีไฮไลท์อีกจุดนึงที่เราอยากจะพูดถึงก็คือ การตบมุกกันฮาๆ ในภาคนี้ต้องบอกเลยว่า สามารถใส่มุกฮาๆและความตลกร้าย จังหวะที่แบบโคตรนรกได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว โดยเฉพาะมุ่งหน้าพาจากจักรวาล ที่เอาความเกี่ยวเนื่องกับสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นคลาสสิคทั้ง 2 เวอร์ชั่น มาสอดแทรกได้อย่างลงตัว นั่นถึงไม่แปลกที่สามารถเรียกเสียงฮือฮาและความตลก ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการที่ในเรื่องนั้นเขาเอ่ยถึงและการที่แอบใส่ซีนที่ ได้แรงบันดาลใจมาจากเวอร์ชั่นคลาสสิคเก่าๆ ที่เป็นแฟนเราสไปเดอร์แมนดูแล้วเข้าใจแน่นอน อีกครั้งยังมีเงินเดือนของการเซอร์ไพรส์อื่น ๆอีกในเรื่อง อีกมากมายที่เรียกว่าเยอะมากๆเป็นจนทำให้แฟนๆอย่างเราดูแล้วกรี๊ดลั่นโรงสุดๆ
จุดด้อยที่ผิดพลาดของภาพยนตร์เล็กน้อย
ถ้าหากสังเกตดีๆจะเห็นจุดผิดพลาดเล็กๆน้อยๆอยู่บ้าง เอาล่ะอย่ามาพูดถึงอย่างแรกกันเลย หนังแรกคือตัวบทนั้น ตัวบทสามารถที่จะไล่จากเล็กไปหาใหญ่ได้ดีก็จริง แต่ว่ามันก็คงเล่นไม่ได้เหมือนกันที่จะทำให้การเดินเรื่องในส่วนแรกนั้นค่อนข้างช้าและค่อยๆไปนิดหน่อย ถึงแม้ว่าจะมีฉากแอคชั่นที่คอยกระตุ้นกันอยู่บ้าง แต่ตัวเรื่องในช่วงแรกนั้นก็ถือว่าเป็นจุดที่ค่อนข้างช้าสักนิด มันจึงไม่แปลกที่ทำให้สไปเดอร์แมนในภาคนี้นั้นมีความยาวไปถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง
ส่วนที่ 2 ก็คือ ฉากแอคชั่นที่โดยรวมแล้วทำได้ดีตามมาตรฐานของ Marvel ที่ทำมาถึง 2 ภาค แต่ว่ามันก็ไม่ได้ทำให้เรานั้นรู้สึกว่ามันราตรึงใจและว้าวอะไรไปขนาดนั้น นั่นจึงทำให้เรารู้สึกว่าเราชอบการที่สไปเดอร์แมนนั้นไปเจอกับด็อกเตอร์มากกว่า
สรุปบทความรีวิว ส่วนที่ชอบมากที่สุดและทำได้ยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่องนี้ (มีสปอย) เนื้อหาในเรื่องสไปเดอร์แมนภาคโนเวย์โอม
คือการที่แอนดู ได้มีโอกาสในการช่วยชีวิตแฟนสาวของทอม อยาก mj เอาตรงๆไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้เลย ตอนนั้นที่ได้ดูนั้น การตายทำให้เรารู้สึกว่าใจสลายพอสมควร แต่พอได้มาเห็นแอนดู น้ำตาคลอในภาคนี้ มันเป็นการเติมเต็มความรู้สึกของเราที่ใจสลายในจุดนั้นได้อย่างยอดเยี่ยมจนไม่น่าเชื่อ เราดีใจมึงมากนะที่ในที่สุด ตัวเขานั้นสามารถช่วยแฟนเก่าของปีเตอร์ในจักรวาลหนึ่งได้แล้ว ความรู้สึกหนักหน่วงในใจของเขาน่าจะจางลงไปบ้าง ไม่มากก็น้อย
แต่ว่ายังไม่พอแค่นั้น ยังมีอีกซีนที่เราชอบก็คือ สิ่งที่โทบี้ ห้ามไม่ให้ฆ่า กรีนก็อบลิน วายร้าย 1 ใน 5 บอกตรงๆว่าเชื่อมโยงหน้าเริ่มได้เก่งมากๆ มันเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกผิด ที่คาใจไว้ของสไปเดอร์แมน ในภาคก่อนๆ ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว น้าปลื้มสุดๆที่ได้เห็นทั้ง 3 เวอร์ชั่นแรกมารวมตัวกันและได้คุยกัน มันเป็นสิ่งที่รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่เซอร์ไพรส์สุดๆที่เรา ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้ เป็นความรู้สึกที่เรารู้สึกว่าเหมือนพี่น้องทั้ง 3 คนได้มาเจอกันและช่วยกันหาทางแก้ปัญหาให้น้องชาย ที่กำลังจะเติบโตขึ้น เป็นสไปเดอร์แมนที่ดี
สรุปบทความรีวิวโดยรวม
ภาพรวมแล้ว Spider-Man : No Way Home ยังรักษามาตรฐานของหนังฮีโร่ในฉบับของจักรวาล Marvel ได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากภาพนี้นั้นจะเป็นเป้าหมายสำคัญของการเดินทางสู่มัลติเวิร์ส อย่าชัดเจนแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกว่าเป็นหนังที่เราเป็นแฟนถ้าได้ไปดูด้วยตัวเองแล้ว จะไม่ผิดหวังแน่นอน เพราะว่านอกจากเรื่องราวที่ปีเตอร์ปาร์คเกอร์นั้นไม่โตขึ้น รวมถึงการที่ชวนแฟนนั้นจะได้เห็นการพัฒนาของเขา ในจังหวัดที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อซึ่งในชีวิตมัธยม สู่มหาลัย จนสามารถกลายเป็นสไปเดอร์แมนได้อย่างเต็มตัว และมีความโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างชัดเจน
ไม่ว่าเหตุผลใดที่คุณเลือกดูหนังสไปเดอร์แมนภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นการที่คุณเบื่ออยากหาหนังแอ็คชั่นมันๆดู แต่คุณมันอาจจะมีพื้นฐานในการดูคอมมิกส์มาก่อน หรือไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ผมขอพูดไว้ตรงนี้ว่าเป็นหนังที่จะช่วยตอบโจทย์คุณได้อย่างดีเลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของมุกฮาๆเรื่องราวดราม่า ที่จะทำให้คุณนั้นซึ้งจนน้ำตาคลอ หรือ จะเป็นเซอร์ไพรส์ที่ชวนให้คุณยิ้มไม่หยุด เรียกได้ว่าเป็นการนำทางสู่ มัลติเวริส ได้อย่างชัดเจน ที่จะต่อให้เป็นแฟนบอยหรือไม่ใช่ ก็จะได้พบกับความสนุกและความฮา รวมถึงฉับดราม่าที่น้ำตาไหล และความเซอร์ไพรส์ที่คุณคาดไม่ถึงอีกมากมายในภาพยนตร์เรื่องนี้ บอกเลยว่าต้องดูเองเท่านั้นเราควรจะเข้าใจว่าทำไมผมถึงพูด ได้แต่ปากว่าเป็นภาพยนตร์ที่สุดยอดและถ้าอยากเข้าถึงเนื้อเรื่องมากที่สุดต้อง ดูหนังออนไลน์ สไปเดอร์แมน เรียงภาค ให้ครบทุกภาคคุณจะอินมากๆ
