รีวิว UNLOCKED

รีวิว UNLOCKED

1

รีวิว UNLOCKED : ระทึกกับเรื่องราวระหว่างทางมากกว่าปลายทาง

รีวิว UNLOCKED หนังระทึกขวัญสัญชาติเกาหลีใต้ที่เพิ่งลง NETFLIX เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา และได้รับการถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงนี้ ด้วยเหตุที่หนังมาในแนวระทึกขวัญถูกรสนิยมผู้ชมชาวไทย ด้วยเรื่องราวใกล้ตัวที่ว่าด้วยการติดมือถือจนกลายเป็นภัยโดยไม่รู้ตัว ดูหนังออนไลน์

2

UNLOCKED เป็นหนังที่ดัดแปลงมากจากมังงะญี่ปุ่น และเคยถูกสร้างเป็นหนังญี่ปุ่นมาแล้วในชื่อ Stolen Identity เมื่อปี 2018 พอมาเป็นเวอร์ชันเกาหลีใต้ ก็ได้มอบหมายให้ คิม เทจุน อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับได้ลองมือเป็นเรื่องแรก ซึ่งเดิมทีทางค่าย CJ ผู้สร้างวางแผนไว้ว่าจะฉายในโรงภาพยนตร์ แต่ไม่ทราบด้วยเหตุผลกลใด ถึงเปลี่ยนใจย้ายมาลง NETFLIX เสียแทน แต่ก็ได้รับผลตอบรับดี หนังเข้าชาร์ตอันดับต้น ๆ ทันทีหลังจากเปิดตัวแค่ไม่กี่วัน

รีวิว ความน่ากลัวจากภัยอันตราย มันอยู่ใกล้แค่..ปลายเล็บ

มาดื่มด่ำกับคดีระทึกขวัญตามหาว่าใครคือคนทำ กับหนังเขย่าขวัญที่รีเมคมาจากนิยายและหนังญี่ปุ่นเรื่องดัง นี่คือ “Unlocked แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ” ที่ปรับโหมดมาเป็นหนังเกาหลีสุดระทึก พร้อมกับทีมนักแสดงจัดจ้านทางการแสดง ที่จะมาทำให้ผู้ชมแทบลืมหายใจในการตามหาเบาะแสและคลี่คลายปมปริศนาครั้งนี้

Unlocked แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ เป็นเรื่องราวของ นามิ สาวนักการตลาดที่บริษัทสตาร์ทอัปแห่งหนึ่ง ปรากฏว่าวันหนึ่งเธอทำโทรศัพท์มือถือหาย แต่เคราะห์ดีที่ได้กลับคืนมา ซึ่งนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความสงบสุขในชีวิตของเธอก็ได้หายไปเพราะถูกคุกคาม

ขณะที่ จุนยอง ผู้ที่บังเอิญเก็บโทรศัพท์ของนามิมาได้ ก่อนจะนำส่งคืน เขาได้ใช้โทรศัพท์เข้าหาเธอและใช้เป็นเครื่องมือในการก่อเหตุอาชญากรรม โดยที่เธอไม่ได้ล่วงรู้ใด ๆ ส่วนอีกฟากของเมือง จีมัน เจ้าหน้าที่ตำรวจสายสืบกำลังเสาะหาเบาะที่เกี่ยวกับเหตุฆาตกรรมในหุบเขา และเขาได้พบเงื่อนงำบางอย่างที่บ่งชี้ว่า จุนยอง ลูกชายที่หายตัวไปของเขาเป็นผู้ก่อเหตุ

3

อาจจะเป็นเพราะว่าหนังแบบ Unlocked เรื่องนี้นั้นเป็นหนังประเภทหนังเกาหลีเคยสร้างออกมาแล้วบ่อย ๆ เห็นได้แทบจะทุกปี มันจึงไม่ได้รู้สึกแปลกใหม่อะไรอีกต่อไปแล้ว แม้ว่าหนังจะหยิบเอาประเด็นอาชญากรรมไซเบอร์ขึ้นมาเป็นเรื่องราวหลักในการเล่าเรื่องนั้น แต่ทุกอย่างเป็นไปด้วยพล็อตสูตรสำเร็จที่ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากที่คาดเดาได้อยู่แล้ว

มุมกล้องและมุมภาพ รวมทั้งเทคนิคต่าง ๆ ที่หนังนำมาใช่ในการนำเสนอนั้น ก็ไม่ได้แปลกใหม่เช่นเดียวกัน มุมกล้องที่โฟกัสตามติดที่โทรศัพท์มือถือและจอหน้าโทรศัพท์ ไม่ได้เป็นเทคนิคที่ทำให้รู้สึกตื่นตาอะไรเท่าไหร่แล้วเช่นกัน แม้ว่าบรรยากาศโดยภาพรวมของจะสร้างสถานการณ์ออกมาได้ค่อนข้างบีบคั้นและระทึกใจอยู่บ้าง แต่ก็เหมือนจะยังทำได้ออกมาไม่สุด ด้วยเหตุผลที่ว่ามันค่อนข้างซ้ำซากจำเจไปสักหน่อย รีวิวหนังสืบสวน

การแสดงของทีมนักแสดงก็ถือว่าทำได้ดี แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นและรู้สึกชวนว้าวมากนัก เพราะดูเหมือนนักแสดงก็มาพร้อมกับบทเดิม ๆ ของพวกเขาที่ต่างก็เคยถ่ายทอดบทบาทสไตล์นี้มาจากผลงานก่อน ๆ มากันแล้ว ไม่ว่าจะเป็น “อิมชีวาน” ที่มารับบทเป็นฆาตกรแอบจิตในเรื่องนี้อีกแล้ว เรารู้ดีว่าเขาเป็นนักแสดงที่ถ่ายทอดบทนี้ออกมาได้ขิงสุด ๆ

แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ

หนังเกาหลีจากนิยายของชาวญี่ปุ่น Akira Shiga ที่เป็นนักเขียนพล็อตเรื่องแนวภัยร้ายของเทคโนโลยีมาก่อน โดยเรื่องก่อนหน้านั้นก็ถูกทำเป็นหนัง Stolen Identity มี ด้วยกัน 2 ภาค เป็นเรื่องราวหญิงสาวที่ทำมือถือหาย แล้วก็เริ่มถูกคุกคามวุ่นวายจากข้อมูลส่วนตัวที่หลุดไป ก่อนจะมีศพปรากฎขึ้นบนภูเขาตามมาอีก ซึ่งพล็อตเรื่องก่อนนี้กับเรื่องนี้ก็แทบจะถอดแม่พิมพ์เดียวกันมาเลย แต่คราวนี้คือเกาหลีทำเท่านั้น ซึ่งชื่อเรื่องโครงเรื่องแม้จะทำให้คิดว่าเป็นแนวฆาตกรรมต่อเนื่อง แต่ตัวเรื่องจริงๆ กลับเน้นไปที่ปัญหาการเสพติดมือถือของผู้คนในยุคนี้ซะมากกว่า

การดำเนินเรื่องเน้นไปที่ปัญหาของตัวนางเอกที่ติดมือถือหนักทั้งวันทั้งคืน ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะผู้คนปัจจุบันก็แทบจะเป็นแบบนี้กันทั้งนั้น ตัวเรื่องจึงนำเสนอความอันตรายของจุดนี้ให้ผู้ได้ตระหนัก ตั้งแต่ชื่อเรื่องต้นฉบับญี่ปุ่น ที่แปลเป็นไทยยาวๆ ว่า “แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ” (ที่จริงญี่ปุ่นชอบตั้งชื่อนิยายยาวๆ แบบนี้อยู่แล้วด้วยครับ) ซึ่งก็คือการตั้งคำถามให้ผู้พบเห็นสงสัยว่าทำไมเรื่องนี้ถึงกลายมาเป็นคดีฆาตกรรมได้

ซึ่งทั้งหมดในเรื่องคือการเล่าเรื่องราวผลร้ายของการฝากข้อมูลทั้งชีวิตไว้ในมือถือ ซึ่งถ้าตกไปอยู่ในมือคนร้ายอย่างในเรื่องก็คือหายนะทันที โดยตัวเรื่องพยายามแสดงให้เห็นถึงปมทางจิตของคนร้ายที่เลือกกระทำกับเหยื่อที่เขาเก็บมือถือได้ ไม่ใช่เป็นแนวฆาตกรรมตรงๆ แต่เป็นการใช้ข้อมูลของเหยื่อเพื่อสนองปมความเจ็บปวดในอดีตของตนไปสู่เหยื่อให้โดนแบบเดียวกัน ซึ่งก็ทำให้ตัวเรื่องเป็นแนวแฮ็กมือถือเพื่อทำลายชีวิตคนมากกว่า โดยมีแบ็คกราวด์แค่ว่าคนร้ายก่อคดีฆาตกรรมซ่อนศพไว้หลายศพมาก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งถ้าใครต้องการจะดูพวกฉากเชือดไล่ฆ่าอันนี้คือไม่มี แต่สิ่งที่ได้คือความระทึกน่ากลัวแบบแอบจิตของคนร้ายที่เฝ้ามองทำร้ายเหยื่อแบบจิตๆ มากกว่า

4

นอกจากนี้ตัวหนังยังพยายามเล่นกับปมการสืบสวนของตำรวจตัวเอกในเรื่อง ที่เปิดเรื่องมาพบศพบนภูเขาแล้วพบหลักฐานบางอย่างชี้ว่าคนร้ายน่าจะเป็นลูกชายเขาที่หนีออกจากบ้านหายตัวไป ซึ่งตัวเรื่องจะตัดสลับกับเรื่องที่นางเอกโดนคุกคาม ก่อนจะค่อยๆ โยงเข้ามาให้ทั้งสองคนนี้เจอกัน โดยมีปมปัญหาครอบครัวของตำรวจผู้เป็นพ่อผลักดันให้เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นมา เป็นการเชื่อมโยงสะท้อนปัญหาสังคมที่เกิดขึ้นได้จริง

แต่ในส่วนของการสืบสวนตำรวจนี้เองก็เป็นจุดอ่อนใหญ่ของเรื่องเช่นกัน เพราะด้วยความที่เรื่องผูกให้พ่อที่เป็นตำรวจพยายามทำทุกอย่างให้จับลูกชายให้ได้ โดยไม่แจ้งรายงานเรื่องนี้ให้กับทางสถานีทราบ ตัวเรื่องจึงดูไม่ค่อยสมเหตุผลเท่าไหร่กับการทำงานของตำรวจในเรื่อง ทั้งๆ ที่เรื่องค่อนข้างใหญ่โตระดับนั้น รวมรีวิวหนัง

หนังระทึกขวัญสุดหลอนของฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าคนได้ด้วยโทรศัพท์

ตัวหนังมีความอยู่ที่ 1 ชั่วโมง 57 นาที เปิดมาได้อย่างน่าประทับใจมาก ตั้งแต่การค่อยๆ เล่าและนำพาผู้ชมเข้าสู่ความวุ่นวายในชีวิตของผู้คนกับการใช้โทรศัพท์ในแต่ละวันได้อย่างน่าสนใจและถ่ายทอดออกมาได้สมูทมาก เล่าได้สนุก แถมมุมกล้องก็มีความน่าตื่นเต้นเร้าอารมณ์ รวมกับเพลงประกอบที่ใส่มาได้ลงตัวมากๆ นับเป็นฉากเปิดที่ยอดเยี่ยมและช่วยปรับอารมรณ์ก่อนเข้าสู่เรื่องราวหลักได้เป็นอย่างดี

ในหนังเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่แข็งแกร่งและการเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ เข้าด้วยกันได้อย่างแนบเนียน มีการลำดับเรื่องราว และการแก้ปมปริศนาใส่เอาไว้ได้สนุกสนานและเข้มข้น ซึ่งกลิ่นอายอะไรแบบนี้มันเหมือนกลายเป็นเอกลักษณ์ของหนังระทึกขวัญเกาหลีไปเลย คือจะมีความหม่นๆ ระทึกขวัญปนดราม่า แต่ในขณะเดียวกันก็มีปมปริศนาที่ทั้งลึกลับและโหดร้ายซ่อนอยู่ การออกแบบตัวละครก็ทำออกมาได้ดีมากๆ มันมีความเป็นธรรมชาติมากจริงๆ ดูเข้าถึงไปกับเรื่องราวได้ แม้ว่าจะไม่ได้ย้อนกลับไปเล่าเรื่องราวอะไรมากนัก แต่ก็ยังสามารถถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ถึงอารมณ์และมีมิติมาก

นอกจากนี้ตัวหนังเองก็มีแก่นหลักที่แข็งแรงและร่วมสมัยมาก อย่างในเรื่องของการใช้สมาร์ทโฟน มันไม่ใช่แค่ใช้เพียงติดต่อสื่อสารแต่เพียงเท่านั้น แต่สมาทร์ทโฟนได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของคนในยุคปัจจุบันไปเป็นที่เรียบร้อย แต่แน่นอนว่ามีข้อดีมากมายก็ย่อมมีข้อเสียและอันตรายที่ตามมาได้เช่นเดียวกัน ซึ่งในหนังเรื่องนี้ก็สามารถสะท้อนเรื่องราวเหล่านี้ออกมาได้อย่างน่าสนใจมากๆ เชื่อว่าอาจจะทำให้ใครๆ หลายคนๆ ที่ได้ดูรู้สึกกลัวและระมัดระวังตัวเองมากขึ้นไปอีกขั้นกันอย่างแน่นอน

5

สำหรับด้านงานภาพนั้นก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน มุมกล้องในเรื่องนี้น่าสนใจมาก มีภาพใหม่ๆ มีมุมและใช้เทคนิคค่อนข้างเยอะ ลำดับภาพทุกอย่างได้ลื่นไหลมากๆ ทั้งการตัดสลับภาพในจอโทรศัพท์ให้เข้ากับภาพรวมของเรื่องแบบที่ไม่ชวนให้ปวดหัวเลย ทุกอย่างมันลงตัวและเข้ากันจริงๆ พอได้เห็นภาพที่ออกมาบอกเลยว่าทุกคนน่าจะชอบและตื่นเต้นกันอย่างแน่นอน

เท่านี้ยังไม่พอด้านงานเพลงประกอบก็เรียกได้ว่าประณีตกันจริงๆ เก็บหมดทุกรายละเอียด เลือกใช้เพลงได้ดีและถูกจังหวะมากๆ ถ้าลองตั้งใจฟังเสียงที่หยิบมาใช้ประกอบมันมีความลึกลับมากๆ มันช่วยส่งอารมณ์และพลังให้กับเรื่องราวในหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

ส่วนการแสดงของนักแสดงนำต้องขอปรบมือให้เลยจริงๆ Yim Si-wan คือเก็บได้หมด เอาอยู่ สีหน้าท่าทาง ไม่ล้น มันมีความน้อยแต่มาก พร้อมกับส่งความน่าขนลุกแบบแปลกๆ ออกมาได้จากตัวละครนี้ตลอดเวลาด้วย น่าประทับใจมาก ในขณะเดียวกัน Chun Woo-hee แม้ในเรื่องจะมีลุคใสๆ ไร้มลทิน แต่จังหวะสุดท้ายเธอก็ไปสุดมากๆ น้ำเสียง แววตา ทุกอย่างดีหมด

รีวิว นักแสดง

อีนามี (รับบทโดย ชอนอูฮี)                                                                                                                        เป็นพนักงานการตลาดของบริษัทสตาร์ตอัปแห่งหนึ่ง เธอมักแวะเวียนไปช่วยงานที่ร้านขายเครื่องดื่มของพ่อบ้างเป็นครั้งคราวยามที่ว่าง ชีวิตก็ไม่ต่างจากคนทั่วไปที่ขยันตั้งใจทำงาน สนุกสังสรรค์กับเพื่อนฝูงหลังงาน เอ็นจอยบนโลกโซเชียล เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นคนติดมือถือเหมือนที่เราเห็น ๆ คนยุคนี้เป็นกันนั่นแหละ

โอจุนยอง (รับบทโดย อิมชีวาน)                                                                                                            ช่างมิจฉาชีพผู้นี้เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถแกะรอยปะติดปะต่อข้อมูลชีวิตจากในโทรศัพท์และสื่อโซเชียลของเธอ รู้หมดประหนึ่งเป็นเจ้าของเครื่องเสียเองปัญหาอาชญากรรมที่ตามมา มิใช่เรื่องโจรกรรมเงินในบัญชีหรือบุกรุกเข้าบ้านเพื่อทรัพย์สินของเหยื่อ แต่จุนยองเป็นคนมีปมโรคจิตที่ก่อคดีในลักษณะเดียวกันมาแล้วหลายต่อหลายครั้งแล้ว ด้วยเป้าหมายปลายทางคือฆาตกรรม กว่าอีนามีจะไหวตัวรู้ว่าตกอยู่ในอันตราย รีวิวหนังน่าดู

6

หากมองในแง่ของพล็อตบท และความเป็นงานดัดแปลงมาจากหนังและนวนิยายญี่ปุ่นเรื่อง Stolen Identity เมื่อหลายปีก่อน จึงเป็นเรื่องที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วในโลกความเป็นจริงวันนี้ เนื้อหาหลัก ๆ จึงอาจคาดเดาได้ไม่ยาก ไม่ตื่นเต้นนัก แต่ต้องยกความดีงามให้กับผู้กำกับที่สามารถเล่าออกมาได้น่าตื่นเต้นระทึกเสียววูบดี

ด้วยภาพและซาวน์ที่ได้จังหวะบิวด์จังหวะลุ้น และเข้าถึงอารมณ์ เสริมด้วยลีลาหน้าจิต ๆ ของ อิมชีวาน และความตื่นตระหนกกลัวของ ชอนอูฮีนอกจากนี้ งานกราฟฟิคเล่าไลฟ์สไตล์ของชีวิตบนโทรศัพท์ และเทคนิคการใช้ภาพสมจริงบนจอโทรศัพท์แทนสายตาสตอล์คเกอร์ก็ทำได้น่าสนใจ แปลกตาไปจากแบบเดิม ๆ ที่เคยเห็นมา ยิ่งเมื่อบอกว่านี่เป็นงานเดบิวท์ของผู้กำกับ ก็ถือว่าสอบผ่านเลยแหละ

แม้จะมีหลายเรื่องปลีกย่อยของบทที่ดูอ่อนเหตุผลหรือชวนอึดอัดขัดใจไปบ้าง แต่จุดอ่อนสำคัญสุดของเรื่องนี้ น่าจะอยู่ที่การถูกชี้นำด้วยชื่อเรื่องไทยที่ว่า ‘ทำไม’ ซึ่งมีพลังดึงดูดในการถาม แต่กลับไม่เจอคำตอบที่มีน้ำหนักนัก เพราะการไม่ได้ขยายปมที่มาของตัวละครสำคัญ ๆ เช่น โอจุนยอง หรือ อูจีมัน ให้มีเนื้อมีหนัง มีมิติ หรือชวนสำรวจ ทำให้ผู้ชมถูกกรอบด้วยเหตุผลผิว ๆ หลวม ๆ ที่ไปได้ไม่สุด ความโกรธเกลียดหรือสลดใจเลยสะดุดห้วนไปเฉย ๆ ซะงั้น ก็ถือเสียว่าเป็นการโฟกัสเฉพาะรายละเอียดฝั่งเหยื่อกับภัยที่เกิดมากกว่า

ดังนั้น คุณค่าสำคัญของเรื่องนี้ ก็คงต้องยกให้กับประเด็นเตือนสติการใช้โทรศัพท์ เพิ่มความระมัดระวัง ลดความเป็นสังคมก้มหน้า ติดโทรศัพท์ที่มากเกินไปได้บ้าง จริง ๆ แล้วนอกจากลดโอกาสเกิดเหตุแล้วก็ยังอาจเพิ่มโอกาสของเรื่องดี ๆ ได้ด้วยนะ

ความรู้สึกหลังดูจบ

การแสดงของนักแสดงถือว่าดี แต่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย มันแค่รู้สึกว้าว เพราะนักแสดงยังมาในบทบาทเดิมของตัวละครสไตล์นี้ที่เคยเล่นในผลงานเรื่องก่อนๆ อย่าง “อิม ซีวาน” ที่กลับมารับบทนักฆ่าสายลับอีกครั้ง ครั้งนี้ เรารู้ว่าเขาเป็นนักแสดงที่สวมบทบาทนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ .

แต่สิ่งที่ทำให้เราประทับใจในตัวเขามากที่สุดคือผลงานเรื่องก่อนๆ ของเขา เช่น “การประกาศภาวะฉุกเฉิน” เนื่องจากตัวละครค่อนข้างซ้ำซาก และในหนังระทึกขวัญอย่าง “ชุนวูฮี” ตัวละครกลายเป็นเรื่องซ้ำซากจำเจสำหรับเธอ ฉันหวังว่าคุณจะไปงานที่มีความโรแมนติกแน่นอน เพราะเธอยอดเยี่ยมอีกครั้ง แต่บทเหล่านี้ค่อนข้างซ้ำซ้อนเมื่อเทียบกับงานเก่าของพวกเขาเอง

เอาเป็นว่าโดยภาพรวมนั้น Unlocked เรียกได้ว่าเป็นหนังระทึกขวัญที่สะท้อนมุมมองของอาชญากรรมไซเบอร์ในสังคมปัจจุบัน การเล่าเรื่องเป็นไปอย่างราบรื่น และน่าเสียดายที่สกัดอารมณ์คนดูได้ดีขนาดนี้เพราะหนังเกาหลีแบบนี้ทำแทบทุกปี มีสิ่งอื่นที่น่าตื่นเต้นกว่านั้นเกี่ยวกับการเต็มไปด้วยองค์ประกอบซ้ำๆ แม้ว่านักแสดงทุกคนจะเล่นได้ดี แต่ตัวละครก็ซ้ำซากและไม่น่าสนใจ

7

เรื่องนี้เค้าแอบเล่นกับชีวิตประจำวันกับวัยรุ่นและโลกสมัยนี้ที่ต้องใช้โทรศัพท์มือถือตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอนยันก่อนนอน บอกเลยว่าสนุกมาก 9.5/10 คือขอหักเรื่องที่นางเอกแอบเชื่อคนง่ายไปนิดนึง คนที่ไว้ใจได้ดันไม่เชื่อแต่ไปเชื่อฆาตกรแทน แต่ในส่วนของฆาตกรดีมากเก็บดีเทลสุดๆ เล่นแบบโรคจิตมาก ดำเนินเรื่องง่ายตามได้สบายๆ ชอบมุมกล้องที่ดูเรียลมากนางเอกเรื่องนี้ก็คือรอดทุกมุมจริงๆ ดูแล้วคือหยุดดูไม่ได้เป็น 2 ชั่วโมงที่คุ้มค่า ต้องไปดูด่วน! ถ้าโทรศัพท์เราหายจะไม่อยากตามหาแน่นอน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *