รีวิวหนัง James Bond 007 Spectre
วันนี้เรามาพูดถึงหนังที่เป็นตำนาน แล้วมีภาคต่อมาตั้งแต่จนถึงปัจจุบันเลย เจมส์ บอนด์ 007 เรียงภาค อย่างเรื่อง พยัคฆ์ร้าย 007 หนังสายลับที่ต้องใช่คำว่าโคตรของทุกอย่าง ทั้งความเท่ของตัว James Bond ความมีไหวพริบในการแก้สถานการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช่อุปกรณ์และเทคโนโลยีต่างๆ ที่สุดแสนจะล้ำยุค ล้ำสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงภาคปัจจุบัน จุดเด่นของ James Bond อีกอย่างนึกคือ ต้องได้เมียตัวร้ายทุกภาคเลยก็ว่าได้ 555 วันนี้ผมจะมาพูถึง James Bond 007 กับภาค Spectre ที่โดยส่วนตัวผมว่ามันก็สนุกดี ถ้าไม่ใช่ James Bond 007 เพราะมันทำให้ความคลาสสิก ในภาคอดีตมันหายไป ภาคนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าเหมือนกำลังดู หนังทริปเปิ้ลเอ็กซ์ สะมากกว่า ปกติ James Bond จะใช่สมองมากกว่ากำลัง แต่ภาคนี้เรียกได้ว่าวิ่งสู้ฟัดเลยที่เดียวเชียว แต่หนังสนุกไหม ผมบอกได้เลยว่าสนุก แล้วมันมากๆ ดูกันเพลินๆเลยที่เดียว แค่มันขัดใจผมเพราะผมเป็นแฟนตัวยง ของJames Bond 007 ดูหนังฟรี
ผลงานภาพยนตร์ภาคต่อแห่งตำนาน 007 จากผลงานการกำกับของ Sam Mendes ที่ทำไว้ดีมากๆในภาค Skyfall และทำให้มันดูเป็นภาพยนตร์ในแฟรนไซต์ 007 Spectre James Bond ที่ดีที่สุดเลย แถมยังกวาดรายได้ไปกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นภาพยนตร์ในแฟรนไซต์ 007 ที่ได้รายได้สูงสุดเลย และในปีนี้ผลงานภาคต่อของ 007 ที่รอคอยจะกลับมาใน Spectre ภาพยนตร์ที่ยังได้ Daniel Craig กลับมารับบทเป็น James Bond เหมือนเดิมพร้อมทั้ง นักแสดงชุดเดิมจากภาค Skyfall สู่ผลงานที่จะทำให้คุณตื่นตา ตื่นใจที่สุด?
หนังเล่าเรื่องต่อจากภาค Skyfall แต่ไม่ใช่ต่อเหตุการณ์จากภาคนั้นโดยตรงสักเท่าไหร่ หลังจากที่ 007 เจมส์ บอนด์ 007 ทั้งหมด ได้ไปทำภารกิจที่เม็กซิโก้เขาได้ค้นพบวงแหวนที่เป็นเหมือนกลุ่มๆนึง แล้วก็ได้ตามสืบว่ามันคือองค์กร Spectre สายลับ 007 จึงต้องไปตามหาผู้อยู่เบื้องหลังในองค์กร ด้วยความช่วยเหลือจากอุปกรณ์ของ Q ที่ใช้เพื่อตามไลล่าองค์กรนี้ และตามจากคนที่อยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยโลกใบนี้ไว้จากความโกลาหล ดูหนังใหม่
รีวิวหนัง James Bond 007 Spectre
การเริ่มเรื่องของภาพยนตร์เรื่อง Spectre คือดูรู้เลยบอกได้ว่ามันต้องมีความสนุกแน่ แต่ช่วงแรกหนังดูมีน้ำหนักการเล่าเรื่องน้อยไป จนรู้สึกถึงความไม่น่าติดตามเลย ตั้งแต่ซีนเปิดเรื่องพร้อม ฉากแอ็คชั่นที่ดูไร้อารมณ์ เพราะผลกระทบจากบทตอนแรก แต่ก็ดูตื่นเต้นกับฉากต่อสู้อยู่บ้าง แค่มันดูไม่น่าติดตามเลย 007 ทุกภาค แดเนียล แต่พอหนังเริ่มดำเนินเรื่องราวต่อมาจากเดิมหนังเริ่มขยายความกว้างใหญ่มากขึ้นจนทำให้มันดูน่าติดตามมากขึ้น พร้อมตัวละครที่สำคัญจากภาคก่อนๆที่กลับมา ด้วยบทพูดที่ดูสนุกสนาน โดยตัวละคร Q คือทำเอาขำก๊ากมาก เป็นบทที่กวนและมีเสน่ห์สุดๆเลย โดยตัวละคร M ในภาคนี้จะดูมีบทมากกว่าตัวละคร M ในภาคก่อนอย่าง Skyfall เพราะว่าคนที่มาแสดงเป็นตัวละครนี้อย่าง Ralph Fiennes จะเปลี่ยนโทนตัวละคร M ให้ดูมีบทบาทออกลุยมากขึ้น ซึ่งนักแสดงอย่างเขาก็ผ่านบทแนวนี้มาไม่น้อยเช่นเดียวกันเลย ในโทนการเล่าช่วงกลางมันดูน่าติดตามเพราะจะออกแนวสืบสวนสอบสวน แต่มันก็ไม่ต่างอะไรจากภาคก่อนๆสักเท่าไหร่ เพียงแค่ความหดหู่ของการเล่าเรื่องมีมากขึ้น เราได้เห็น James Bond ได้แบบมุมมืดมากขึ้นและตัวร้ายที่มืดไม่แพ้กันเลย และในส่วนของคู่ต่อสู้ James Bond ในภาคนี้ดูจะโหดร้ายกว่าภาคก่อนมาก มันเลยทำให้ดูลุ้นว่า มันจะเอาชนะได้มั้ยอยู่ตลอด
ในช่วงท้ายเรื่องของหนังดูเหมือนจะวนกลับมาซ้ำจุดเดิมๆของ James Bond ภาคก่อนๆ คือเป็นเหมือนการโชว์พาวเวอร์ของตัวละครฝ่ายร้าย ที่มันควรจะมาเล่าตั้งนานแล้ว แต่เหมือนโชว์ความอลังการของความโหดร้ายในช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น และในช่วงก่อนจบจะมีฉากไล่ล่าที่ใส่มาอยู่นิดหน่อย พยัคฆ์ร้าย 007 ในตอนจบที่ดูธรรมดามากๆคือมันเหมือนจะขาดเสน่ห์ไปมากและดูยืดเยื้อ มันเป็นฉากการไล่ล่าที่ดูมีชั้นเชิงแต่มันยังไงไม่รู้เหมือนหนังมันทำพังมาตอนก่อนหน้าเลยดูแล้วต่อไม่ติดเลย แต่ตอนก่อนจบเรื่องคือหนังโชว์ความอลังการออกมาได้ดีสุดๆเลยแต่มันไม่ควรจะใช่ฉากที่ควรจะผลาญงบเล่นเลยแม้แต่น้อย
โดยภาพรวมมันเป็นภาคที่มีข้อเสียอยู่มากกว่าข้อดี
การเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นดูเฉื่อยมากและดูขาดเสน่ห์ความเป็น 007 จนทำให้ความน่าติดตามกลายเป็นความน่าเบื่อ ช่วงกลางเรื่องคือเป็นช่วงที่เล่าออกมาได้ดีอย่างไม่มีอะไรต้องติเลย แต่ช่วงท้ายหนังมีปัญหามากหนังมีการเล่าเรื่องที่ดูไม่ดูติดต่อกันเหมือนขาดช่วงของหนังให้ดูเหมือนมันไม่ใช่เรื่องเดียวกันและความน่าลุ้นอะไรมันไม่มีอยู่เลย คือมันเป็นฉากที่ทำง่ายๆและดูให้เดาง่ายๆ และการไล่ล่าช่วงท้ายคือมันก็มีดีอยู่บ้างช่วงเพิ่มอารมณ์ต่อหนังขึ้นมาหน่อยแต่ก็จบได้ไม่ดีพอและดูไม่ตราตรึงเท่าที่ควรจะเป็น การผลาญงบ 300 ล้านคือใช้ได้ไม่คุ้มกับฉากที่ต้องลงทุนเท่าไหร่นักเลย
สิ่งที่ทำให้ภาคนี้ออกมาดูขลัง คือฉากแอ็คชั่นที่ปล่อยออกมาติดๆกันในช่วงกลางๆ อาทิฉาก ขับรถ Aston martin ไล่ล่าที่ดูแล้วลุ้นอยู่สุดยอดเลย และฉากการขับเครื่องบินไล่ล่ามันก็ออกมาสนุกเช่นเดียวกัน และสุดท้ายคือฉากการปะทะกันของ Dave Bautista และ Daniel Craig ที่เป็นการต่อสู้ที่ลุ้นกว่าการเล่าเรื่องการทำลายองค์กร Spectre อีก
แต่มันก็ไม่ได้ห่วยถึงขนาดดูไม่ได้คือ แค่มันขาดเสน่ห์จากภาคก่อนๆเพราะภาคก่อนหน้าอย่าง Skyfall มันทำไว้ดีมากเกินไปเลยจนทำให้มาตรฐานหนัง Bond เหมือนต้องออกมาดีทุกๆภาค
แต่ส่วนตัวก็ยังจะตามภาพยนตร์ James Bond ต่อไปครับผมเพราะก็ยังชอบภาคนี้อยู่ดี รีวิวหนังสืบสวน
รีวิวหนัง James Bond 007 Spectre
การเล่าเรื่อง
ตามที่กล่าวข้างต้นคือช่วงแรกเปิดมาได้มีมีความดึงดูด ขาดเสน่ห์ในหนังตั้งแต่ต้นเรื่อง แต่พอจบช่วงเพลงเปิด Opening Title การเล่าเรื่องดูน่าติดตามมาตลอดเลยมันดูเหมือนการเล่าเรื่องที่เรียบง่ายแต่ลงตัวจนพอช่วงท้าย หนังดูเหมือนยืดเยื้อเวลาจบด้วยการใส่ฉากการต่อสู้เข้ามาเพิ่มและการเล่าเรื่องที่มีชั้นเชิงแต่ใช้ไม่ได้ผลเลย
การดำเนินเรื่องในภาคนี้คือมันดูเหมือนไม่ค่อยจะติดต่อกันสักเท่าไหร่เหมือนเป็นหนังคนล่ะเรื่องเลยเมื่อเปลี่ยนฉาก James Bond 007 แต่ล่ะฉาก คล้ายดูซีรีย์สั้นๆ แล้วเอาต่อๆกัน และการดำเนินเรื่องช่วงง่วงด้วยครับแต่ถ้าไม่เน้นเนื้อการดำเนินเรื่องที่น่าติดตามหรือเน้นแอ็คชั่นก็ไม่มีปัญหาต่อหนังเรื่องนี้ครับ
บทภาพยนตร์เรื่องนี้คืออยากจะบอกว่าบทภาพยนตร์มันไม่ดีพอสำหรับ 007 ภาคนี้ เพราะบทมันดุธรรมดา ดูหนัง007 ทุกภาค แดเนียล คำพูดในหนังธรรมดาที่ไม่มีอะไรให้ตราตรึงเหมือนอย่าภาค Skyfall ที่เคยมีบทพูดในหนังอย่างตราตรึง แต่บทก็ไม่ได้ว่าเขียนไม่ดีคือมันอยู่ในเกณฑ์ที่ธรรมดามากสำหรับ 007 เพราะมันมีบทพูดที่ดูลื่นไหลหรือดึงดูดคนดูได้มากเลย บทช่วงท้ายเขียนได้ดูจิตๆดี แต่ไม่จิตมากจนทำให้ดึงดูดครับ
แต่สิ่งที่ดึงดูดมากในภาคนี้คือการเอาตัวร้ายจาก 3 ภาคก่อนหน้ามาให้มีส่วนร่วมในภาคนี้มันเลยมีจุดเซอร์ไพรซ์อยู่เลย
การแสดงในภาคนี้คงต้องพูดถึงที่ตัวละครอย่าง James Bond อย่าง Daniel Craig ที่ในภาคนี้เขาได้พบกับความทุกข์มากมายจากทุกสิ่งทุกอย่างจนไม่อาจจะรับมันไว้ได้ ในภาคนี้ความเป็น 007 จะไม่ใช่แค่เตะต๋อยไล่ล่ามันจะมีเรื่องอารมณ์ของตัวละครเพิ่มเข้ามามากกว่าเดิม นักแสดงอย่าง Daniel Craig จึงต้องแสดงอย่างใช้พลังมากขึ้นและเขาก็ทำมันออกมาได้อย่างดีที่สุดกับการแสดงในภาคนี้ แต่บทก็ไม่ได้มีอารมณ์หรือต้องเหนื่อยมากแบบภาค Skyfall รีวิวหนังดีดี
สรุปเรื่องย่อ
การแสดงของแม่สาวอย่าง Léa Seydoux คือเธอดูมีอะไรครบท้วนที่จะเป็นสาวบอนด์คนใหม่ได้อย่างดีเธอเป็นตัวละครที่ดูน่าค้นหา เธอเป็นเหมือนความงดงามของหนังเธอเป็นตัวละครที่ทำให้หนังดูน่าติดตามไปกับความสวยของเธอ เธอแสดงมันออกมาในบทนี้ได้อย่างดีเธอดูทรงพลังอย่างที่สาวบอนด์ควรเป็น
Christoph Waltz ไม่ใช่ตัวร้ายที่เก่งไม่ใช่ตัวร้ายที่ทรงพลังแต่เป็นตัวร้ายที่มีความฉลาดสุด Spectre 007 (2015) การแสดงของเขาคือต้องมีมุมมืดๆดาร์คเขาก็ยังแสดงออกมาดีเช่นเดิมตามที่เขาเคยแสดงมาโดยตลอดเขาเป็นตัวร้ายที่ดูมีความลับเยอะและสามารถใช้ประโยชน์จากตัวละครนี้เหลายภาค การแสดงในบทนี้ไม่ต้องใช้พลังเลยแต่มันมีความขลังอยู่ในฉากนั้นๆ
การกำกับของ Sam Mendes ใน 007 ภาคนี้ดูออกมาธรรมดามากหลังจากที่ทำไว้ยอดเยี่ยมมากใน Skyfall จนหนังได้รับรางวัลแต่เรื่องนี้ผู้กำกับก็ดูเหมือนทำเพื่อตอบสนองตัณหาคนดูด้วยฉากแอ็คชั่นที่จัดเต็มอยู่ตลอดการตีความเนื้อเรื่องที่ไม่ต้องให้คนดูได้คิดอะไรกับการดูหนังเลย ซึ่งถ้าถามว่ามันดีมั้ย มันดีสำหรับขายความบันเทิงแต่ไม่เหมาะจะขายด้านเนื้อหาในหนังเลย เหมือนมันเป็นหนังที่สตูดิโอต้องเร่งทำออกมาเพื่อขายจึงไม่ทราบว่าที่ผู้กำกับดูทำไม่เต็มที่กับหนังเพราะสาเหตุเรื่องที่สตูดิโอเร่งหรือความที่ผู้กำกับคิดไอเดียนำเสนอไม่ได้กับภาคนี้
หนัง James Bond 007: Spectre
ชื่อไทย องค์กรลับดับพยัคฆ์ร้าย เจมส์ บอนด์
วันที่ออกฉาย: 5 พฤศจิกายน 2558 (ประเทศไทย)
ผู้กำกับ: เซอร์ซามูเอล อเล็กซานเดอร์ เมนเดส ( Sir Samuel Alexander Mendes )
ประพันธ์ดนตรีโดย: โธมัส นิวแมน ( Thomas Montgomery Newman )
ตัดต่อ: ลี สมิธ ( Lee Smith )
ทุนสร้าง: 245–300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทผู้สร้าง: อีออนโปรดักชันส์; เมโทร-โกลด์วิน-เมเยอร์; โคลัมเบียพิกเจอส์