รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ
รีวิว เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ เป็นเรื่องราวของ เกา แชมป์กีฬา Sport Stacking เจ้าของสถิติหัตถ์พระเจ้า 4.7 วินาที ที่เขาต้องพยายามรักษาสถิติและตำแหน่งของตัวเองเอาไว้ให้ได้ด้วยการต้องสร้างสถิติใหม่ที่ทะเยอทะยานไปมากกว่านี้อีก ท่ามกลางคู่แข่งอันเก่งกาจและประมาทไม่ได้จากทั่วโลก แต่ปรากฏว่าศัตรตัวฉกาจของเขากลับไม่ใช่คู่แข่งที่น่ากลัว มันกลับกลายเป็นภาระหน้าที่ต่าง ๆ ของคนวัยเลข 3 ต่างหาก และบัดนี้ชะตาชีวิตของเขาก็มุ่งหน้าด้วยความเร็วมาสู่ทางแยก ดูหนังออนไลน์
ต้องยอมรับว่าเลยว่า ในช่วงเวลาที่นั่งดูหนังเรื่องนี้อยู่ในโรงภาพยนตร์ มันกลายเป็นหนังที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ท่ามกลางการใส่มุกจิกกัดสนุก ๆ เข้ามารายทาง อารมณ์ที่ขำขันก็สอดแทรกมาด้วยดราม่าที่ทำให้รู้สึกเจ็บจึกเบา ๆ ความรู้สึกบางอย่างที่กระตุ้นให้ต่อมน้ำตาทำงานได้นิดหน่อย แต่ปรากฏว่าเมื่อหนังปิดฉากจบลงไป เมื่อเดินออกมาจากโรงแล้วกลับรู้สึกว่าว่างเปล่าแปลกชอบกล
คงจะต้องอธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่า Fast and Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ กลับมาสู่โหมดหนังที่ติดอยู่ระหว่างกึ่งกลางของหนังในกระแสกับหนังนอกกระแส ในรูปแบบฉบับของ เต๋อ นวพล ผู้นี้ที่มักจะมีสไตล์และลีลาการสร้างหนังในลักษณะนี้ออกมา กล่าวคือหนังเรื่องนี้น่าจะเหมาะกับคนดูเฉพาะกลุ่มไปสักหน่อย ยังไม่ใช่หนังจีดีเอชที่สามารถจะเข้าถึงกลุ่มแมสได้ทุกกลุ่ม ทั้งที่ก็เป็นหนังตลกกับการเสียดสีสังคมหน่อย ๆ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงได้ง่ายดาย
อันที่จริงก็แอบเชื่อนะว่า หลาย ๆ คนน่าจะเป็นเหมือนกันผู้เขียนกับความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ในแว่บแรก สารภาพเลยว่าครั้งแรกที่ได้เห็นทีเซอร์หนัง Fast and Feel Love เรื่องนี้นั้น ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลายแบบนี้เช่นกัน เพราะมันต้องน่าตื่นตาและประหลาดแบบรวม ๆ กัน แต่ผลลัพธ์สุดท้ายที่ทีเซอร์หนังพยายามสื่อสารออกมานั้น ไม่ได้ช่วยกระตุ้นทำให้รู้สึกอยากจะดูหนังเรื่องนี้สักเท่าไหร่ กลายเป็นความรู้สึกเฉย ๆ แบบดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่เป็นไรมากกว่า
และเมื่อมาลองสัมผัสกับเนื้อแท้ของ Fast and Feel Love จริง ๆ ก็พบว่าหนังก็มีเนื้อในที่ประหลาดนั่นแหละ แต่ยังอยู่ในจุดที่รับได้และสร้างความบันเทิงได้ในระดับที่พึงพอใจอยู่ แต่เพราะการใช้วิธีเล่าเรื่องในสไตล์ของนวพล ที่เป็นการสร้างความแปลกใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่หากเล่าธรรมดา ๆ ก็ไม่น่าจะอะไรจูงใจแม้แต่น้อย จึงขัดเกลาใส่จังหวะโบ๊ะบ๊ะเข้ามาในหนังเรื่องนี้ ผ่านความนึกคิดและอารมณ์ของตัวละครนั้น ๆ ที่ต้องบอกว่าไม่ได้ซับซ้อน แต่ก็ใช้เวลาในการเข้าถึง รวมรีวิวหนัง
ประเด็นของหนังค่อนข้างชัดเจน ในการตีแผ่เรื่องราวของคนเจนวายที่ปัจจุบันพวกเขาล้วนมีชีวิตอยู่ในช่วงวัยเลข 3 กันทั้งนั้น วัยที่กำลังแบกภาระหน้าที่และความหวังต่าง ๆ เอาไว้ในวัยที่สังคมขีดเอาไว้ให้ว่าเป็นวัยก่อร่างสร้างตัว แต่คนเจนวายยุคนี้มีแนวความคิดที่ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย พวกเขาไม่จำเป็นต้องดำเนินชีวิตไปตามเส้นทางทั่วไปที่ใคร ๆ ก็ทำ แต่โจทย์ของพวกเขาคือความท้าทาย ที่บางครั้งมันก็ค่อนข้างปรับตัวเข้าได้ยากกับภาระหน้าที่ของตัวที่ไม่รู้จะผลักออกไปทางไหนดี
ดังนั้น เรื่องของกีฬา Sport Stacking ได้เข้ากลายเป็นเพียงองค์ประกอบเสริมหลักของหนังไปโดยปริยาย เพราะจริง ๆ นี่คือหนังชีวิตต่างหาก แต่หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าเสริมสร้างความรู้และวางพื้นฐานเกี่ยวกับกีฬา Sport Stacking ที่แน่นอนว่าแทบจะไม่ได้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในเมืองไทยแน่ ๆ มันก็คือ “การเล่นสับแก้ว” ก็เท่านั้น แต่หนังสามารถขยี้และอธิบายถึงกีฬาชนิดนี้ได้อย่างน่าสนใจและพึงพอใจในระดับที่ดี
รีวิว FAST & FEEL LOVE เร็วโหดเหมือนโกรธเธอ เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่มีความที่อยากจะเป็นนักกีฬา SPORT STACKING เกา ความฝันที่เขาได้คิดเอาไว้นั้นมันอยากเกินไป เกา ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ขณะที่หญิงสาวชาวลูกครึ่งอย่าง เจ เธอนั้นเก่งภาษาอย่างมาก แต่ในความฝันของเธอนั้น อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ไม่เหมือนเกา ที่ความฝันไปไกลเกินไป พวกเขาทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กจนเรียนจบ
เมื่อ เจ เธอรัก เกา มีใจให้กันและกันพวกเขาจึงคบกัน และยังเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกันอีกด้วย เมื่อความฝันของ เกา กำลังจะเริ่มต้นขึ้น เจ ก็คอยให้กำลังใจและคอยช่วยเหลือคนที่เขารักอยู่เสมอเมื่อ เกา กำลังเริ่มการแข่งขันกีฬา SPORT STACKING ทางออนไลน์ เกา ได้เกิดความกังวลและคิดมากซึ่งคู่แข่งของเขานั้นเยอะพอสมควร เมื่อเกมส์ได้เริ่มต้นขึ้นนั้นเขาได้แพ้ในครั้งนี้ ทำให้เขาต้องเจอกับปัญหาต่างๆรวมไปถึงเรื่องของความรัก
FAST & FEEL LOVE เป็นหนังที่มีความเฉพาะตัวและโดดเด่น เล่นได้แบบนี้กับหนังเรื่องนี้ มันเป็นเพราะหนังเรื่องนี้เลือกปูสีสัน และวิธีเล่าของหนังไว้แบบนี้ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มีความล้อเลียนหนังเยอะไปหมด จนยากที่จะบอกได้ว่านี่คือประโยคคำคมที่มาจากหนังเรื่องนี้นะ เพราะมันมีการร้อยเรียง และล้อเลียนไปควบคู่กัน ไปบนเนื้อหาที่ธรรมดา แต่โคตรตลกกับสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาให้ได้ชมกัน แม้แต่ซีนดราม่าของหนัง ก็ยังเล่าให้มีความสนุกและกวนแบบสุดๆได้ ใครที่เป็นแฟนหนังของ GDH ที่ติดตามมาตลอดทุกเรื่อง และเป็นอีกเรื่องที่ต้องบอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด
แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะมีความฉีกจากแนวเดิมที่นวพลเคยทำมา แต่หนังก็ยังคง DNA ความเป็นนวพลไว้อย่างครบถ้วน ทั้งเรื่องราวของการเติบโตของชีวิตและความสัมพันธ์ที่เป็นดั่งแก้วอันเปราะบาง เพราะเมื่อไหร่ที่มันแตกสลาย ก็จะไม่มีวันกลับไปเป็นแก้วได้ดังเดิมอีก
รวมไปถึงเรื่องราวความหลังสุดบีบหัวใจ ที่นวพลได้ซ่อนการจิกกัดสังคมไทยไว้ภายใต้ความเป็น ‘หนังกวนส้นตีน’ ของเขา ซึ่งสะท้อนมุมมองให้เราต้องฉุกคิดอยู่ตลอด ที่แม้ว่าโลกของเราในยุคนี้จะเร็วเพียงใด แต่กรอบบางอย่างก็ยังคงถูกฝังรากไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
พระนางที่เคมีเข้ากันได้อย่างน่าแปลกประหลาด
มาถึงแอคติ้งของหนัง Fast and Feel Love กันบ้าง แน่นอนว่าเราสัมผัสได้ตั้งแต่ในทีเซอร์หนังแล้วว่า จะต้องมีไดอะล็อกในการสื่อสารกันแบบประหลาด ๆ และก็มีปะปนอยู่ในเรื่องจริง ๆ แม้ว่าจะไม่ประหลาดไปทั้งหมด แต่ก็ชวนหลอนอารมณ์หลอนหูได้ในระดับที่ดี และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่นักแสดงจะได้มีโอกาสเล่นใหญ่จัดเต็ม “ณัฏฐ์ กิจจริต” กับ “ญาญ่า อุรัสยา” ก็คือคู่พระนางที่เคมีเข้ากันได้อย่างน่าแปลกประหลาด
พวกเขาทั้งคู่ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่ช่วยชูหนังทั้งเรื่องเอาไว้ได้ตลอดทาง โดยเฉพาะ ณัฏฐ์ กิจจริต ที่ต้องยกนิ้วให้กับอินเนอร์หลาย ๆ ฉาก ฉายแสงความเป็นนักแสดงที่แท้ทรูออกมาได้อย่างเปล่งประกาย แม้ว่าการแสดงของเขามันออกจะเว่อร์ ๆ ไปหน่อย แต่ก็ตามบทบาทที่ได้รับเอาไว้ ขณะที่ ญาญ่า อุรัสยา ถือว่าเป็นบทที่แปลกใหม่ของเธอที่ดีทีเดียว ไม่เคยเห็นเธอเล่นสไตล์นี้มาก่อน และก็ทำให้รู้สึกเซอร์ไพรส์ไม่เบา ทั้งคู่เป็นนักแสดงที่สามารถสื่อสารผ่านอากัปกิริยาต่างๆ ได้ค่อนข้างดี
ขณะที่นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ นั้น ก็ถือว่าหนังตีโจทย์ออกมาได้ค่อนข้างดี สามารถสร้างสเน่ห์และมิติให้กับทุกตัวละครได้อย่างเด่นชัด แต่ที่ประทับใจมากที่สุดก็น่าจะต้องยกให้ “โปเต้ อนุสรา” ที่เข้ามาเป็นตัวขโมยซีนที่ดีในหนังเรื่องนี้ และทุกฉากทุกซีนที่เธอออกมานั้น เต็มไปด้วยจังหวะความบันเทิงที่ตรงจุด และการแสดงอันเป็นธรรมชาติและธรรมดาของเธอนั้น..คือพรสวรรค์โดยแท้
และอีกหนึ่งกิมมิคที่ Fast and Feel Love หยอดเอาไว้ตลอดทั้งเรื่องก็คือความพยายามล้อเลียนพวกหนังบ็อกซ์บัสเตอร์ฮอลลิวูดฟอร์มใหญ่ต่างๆ ล้อหนังซูเปอร์ฮีโร่ต่าง ๆ ล้อหนังแอคชั่นด้วยความคมคาย กลายเป็นหนังบู๊ที่ไม่ได้ล้างผลาญด้วยการระเบิดตู้มตาม แต่เป็นจังหวะและไดอะล็อกคมเฉียบของตัวละครมากกว่า หนังล้อเลียนตั้งแต่ฉากเปิดไปจนถึงฉากสุดท้าย ไล่เรียงไปถึงเอ็นเครดิตท้ายเรื่อง นี่จึงเป็นหนังที่มีความแสบสันต์อยู่มาก ๆ
เรื่องชวนให้นึกถึงชีวิตของเราเองเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่และการต่อสู้ในชีวิตจริง
แม้จะบอกเล่าด้วยกีฬาสุดนิช แต่เนื้อเรื่องและบทสนทนากลับดูแล้วรู้สึกว่าเชื่อมโยงได้กับชีวิตคนเมืองทั้งหลายได้อยากรวดเร็วสมชื่อเรื่อง เพราะการต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ ของเกาในเรื่องชวนให้นึกถึงชีวิตของเราเองเมื่อเราโตเป็นผู้ใหญ่และการต่อสู้ในชีวิตจริง ไม่ใช่การต่อสู้กับตัวร้าย ความอยุติธรรม หรืออะไร ๆ ที่หนังแอคชั่นทั้งหลายเคยบอกเรา หรือแม้แต่การเอาชนะแค่ตัวเองเหมือนในหนังกีฬาอีกเช่นกัน แต่เป็นการต่อสู้กับ 5 สิ่งที่เอาชนะยากเหลือเกิน รีวิวหนังสอบสวน
-ภารกิจในชีวิตประจำวัน
ภาระที่มาพร้อมการโตเป็นผู้ใหญ่คือการต้องทำเรื่องที่กินเวลาอย่างน่าปวดหัวเอง เช่น การกินอยู่ งานบ้าน เอกสาร จ่ายบิล จ่ายภาษี ลดหย่อนมัน หรือการที่ต้องแบ่งเวลาให้กับครอบครัว สิ่งเหล่านี้ และการที่เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องละมือจากการทำงาน หรือทำให้เกิดดราม่าชวนปวดหัวในชีวิตได้อย่างไม่น่าเชื่อ
-เวลาที่เดินไปข้างหน้า (แต่สังขารมันถดถอย)
สิ่งที่ต้องทำให้ทันไม่ได้มีแค่เรียงแก้ว แต่เป็นทุก ๆ อย่างในชีวิตเพราะความชรามันมาเยือนอย่างเร็วโหดเหมือนโกรธเรา สะท้อนผ่านตัวละครเจที่ถ้าอยากมีลูกก็ต้องหาเงินเก็บไข่ให้ทันก่อนมันจะฝ่อไปหมด หรือเกาที่ต้องต่อสู้กับความปวดหลังที่เด็ก ๆ ยังไม่ต้องเผชิญ
-คนรุ่นใหม่
การที่เกาแทบจะเป็นผู้ใหญ่คนเดียวในการแข่งขันที่เต็มไปด้วยเด็กในวัยต่าง ๆ ที่มีฝีมือพัฒนาและรอบรู้ขึ้นทุกวัน บวกกับความเป็นเด็กที่มุ่งมั่นอยู่กับส่ิงเดียวได้เต็มที่โดยที่พวกเขาอาจจะไม่มีปัญหาอื่น ๆ ที่ผู้ใหญ่ต้องเผชิญมาขวางทาง สะท้อนให้เห็นชีวิตของคนทำงานทุกวันนี้ที่ต้องประคองตัวเองและพัฒนาให้ทันคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาในสายงาน และการที่เรื่องทำให้ไผ่หลิว เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เป็นมาสเตอร์ของเรื่อง ยิ่งตอกย้ำว่าหากยังยึดถึอในระบบอาวุสโส ถือเด็กถือผู้ใหญ่ ยิ่งจะทำให้พ่ายแพ้อย่างไม่มีทางพัฒนาตัวเองต่อได้เลย และยังให้พึงสังวรไว้ด้วยว่าบางทีครั้งที่ชนะเด็กได้อาจจะเพราะเด็กออมมือให้หรอกนะ
–คนทั่วโลก สิ่งที่มาพร้อมกับโลกาภิวัฒน์คือการแข่งขันที่มากขึ้นยิ่งในเวลานี้ชาติเราและตัวเราไม่ได้แข่งแค่กับตัวเองแต่ยังต้องทำให้มันทั้งคนทั้งโลกด้วย เหมือนกับที่เกาต้องแข่งกับเด็กน้อยที่อยู่คนละสัญชาติคนละซีกโลก เพราะการแข่งขันในชีวิตจริงมันไม่ได้มีข้อกำหนดอายุ วัย เชื้อชาติ เหมือนกับ sport stacking นี่ล่ะ
-Work Life Balance
ความสัมพันธ์ระหว่างเกากับเจ อาจจะกำลังท้อนสิ่งที่พูดง่ายทำยากที่สุดของคนทำงานคือการหาจุดกึ่งกลางที่พอดีระหว่างงานกับชีวิตผ่านฉากเล็ก ๆ น้อย ๆ ในเรื่องที่เกาไม่มีเวลาแม้แต่จะรับฟังเจ รดน้ำต้นไม้ หรือเลื่อนรถให้แม่
อีกประเด็นที่สำคัญของเรื่องคือเวลา ปัจจัยสำคัญในสังคมทุนนิยมซึ่งกดดันเราให้ใช้เวลาให้เร็ว ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นที่สะท้อนผ่านตัวเกาโดยตรงเพราะยิ่งเขาทำเวลาได้เร็วเท่าไหร่เขายิ่งได้เงินรางวัลมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเทียบกับชีวิตจริงแล้วก็เหมือนกับการที่พนักงานคนหนึ่งต้องเค้นผลงานมาได้ให้ทันเวลา หรือเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพมากขึ้นในเวลาที่จำกัด เหมือนที่เกาต้องทำความเร็วให้ได้มากที่สุดแม้มันจะเพิ่มแค่ไม่กี่มิลลิวินาที และยิ่งทำได้ในเวลาอันสั้นเท่าไหร่ก็ยิ่งได้รับรางวัลจากความเร็วนั้น หรือประเด็นการใช้เวลาของคนอื่นเพื่อให้เราใช้เวลาของเราได้มีประสิทธิภาพสูงสุด ที่เรื่องชี้ให้เราเห็นว่ากว่าที่จะได้เวลา 0.0001 วินาทีเพิ่มมาเกาต้องยืม ใช้ หรือแม้แต่ซื้อเวลาจากคนอื่นทั้ง เจ แม่ หรือเมทัลและคนขับรถ สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ไม่ใช่การทุ่มเทของเขาคนเดียว แต่เป็นการสละเวลาและแรงกายของคนอื่นด้วย
อย่างไรก็ตาม Fast and Feel Love ก็สะกิดให้เราตั้งคำถามกับแนวความคิดแบบนี้ว่ามันถูกต้องจริงหรือ ที่จะโฟกัสอยู่แต่กับความก้าวหน้าในอาชีพจนต้องทุกอย่างต้องหยุดเพื่อหมุนตามมัน พร้อมกับชี้ให้เราเห็นว่าในบางครั้งในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบความสำเร็จ อาจจะไม่ใช่อาชีพการงานที่ก้าวหน้าหรือการตามความฝันอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นการที่สามารถรับผิดชอบชีวิตของตัวเองได้ดี มีเวลาให้กับคนรอบตัวต่างหาก
รีวิว นักแสดงและบทบาทที่ได้รับ
-ณัฏฐ์ กิจจริต รับบท เกา
-อุรัสยา เสปอร์บันด์ รับบท เจ
-อนุสรา กอสัมพันธ์ รับบท เมทัล (แม่บ้าน)
-กนกวรรณ บุตรชาติ รับบท แม่เกา
-วิพาวีร์ พัทธ์ณศิริ รับบท ปอ (เพื่อนเกา)
-คีตภัทร ป้องเรือ รับบท ไผ่หลิว
-ชื่อเรื่อง : Fast & Feel Love (เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ)
-ผู้กำกับ : เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์
-ความยาว : 2 ชั่วโมง 12 นาที
-วันที่ฉาย : 6 เมษายน 2022
-ระบบเสียง : เสียงไทย
ต่อมาที่ตัวละครหลักอย่าง เกา และ เจ ที่รับบทโดย ณัฐ และญาญ่า สองคนนี้ก็แสดงได้ดีตามมาตรฐานเลย ปั่นทั้งคู่ ญาญ่าในเรื่องนี้ ดูต่างออกไปจากที่เราเคยเห็นจริงๆ เรื่องนี้มาแบบนิ่งๆ รับบืเป็นสาวลูกครึ่งหน้าตาย ที่มีดีอย่างเดียวคือ “ใจดี” เป็นตัวละครที่ใช้ชีวิตมาคอยแต่ช่วยเหลือคนอื่น ห่วงใยคนอื่น จนลืมมองกลับมาที่ตัวเอง
ส่วนตัวละครเกา ก็เป็นคนที่สนใจแต่ความฝันของตัวเอง หมกมุ่นอยู่กับสิ่งที่รัก จนไม่สนใจสิ่งรอบตัว ขนาดเรื่องง่ายๆที่คนทั่วไปทำได้ เกาก็ยังทำไม่เป็น เพราะไม่เคยทำอะไรเองเลย มีเจคอยทำให้มาตลอด และพอถึงจุดหนึ่งที่เจเริ่มหันกลับมามองตัวเอง และอยากกลับไปใช้ชีวิต ทำให้เกาได้ตระหนักรู้เลยว่า ถ้าเขาไม่มีคนคอยดูแล เขาก็เหมือนเด็กประถมคนนึงดีๆนี่เอง พอเรื่องราวดำเนินไปจนจบ เราก็จะได้เห็นพัฒนาการของทั้งสองคนนี้ ได้เห็นตัวละครเติบโตขึ้นกว่าตอนต้นเรื่อง พี่เต๋อแกวางเรื่องราวมาได้ดีจริงๆ
สรุป ความรู้สึกหลังชม
ลังจากที่ได้ดูไป ความรู้สึกส่วนตัว รู้สึกชอบไม่น้อย แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าหนังเรื่องนี้ ไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน เพราะมุกที่ผู้กำกับเล่นในหนัง มันลึกจริง มันเนิร์ดจริงๆ มันเป็นมุขที่คนเนิร์ดหนัง บ้าหนังหน่อย ถึงจะเก็ทได้ มีการล้อเลียนหนังต่างๆหลายเรื่องเลย ซึ่งผมอาจจะเก็ทไม่หมดทุกมุข แต่ส่วนใหญ่ก็ทัน มีทั้งล้อหนัง Fast 7, Parasite และมีล้อเสียงพากย์ชาคริตที่เคยพากย์สตาร์วอร์ไว้จนเป็นตำนาน ฉากนี้ปั่นจริง ต้องไปลองดูกันเอง มาเริ่มรีวิวกันเลยดีกว่า มาเริ่มกันที่ด้านการแสดงกันก่อน
ตัวละครเรื่องนี้จะมีคาแรคเตอร์แบบสไตล์หนังของพี่เต๋อเลย คือหน้านิ่งๆ พูดเสียงโทนเดียว ดังนั้นการแสดงก็ธรรมดา ไม่ได้มีอะไรจะชมมากมาย ทุกคนก็เล่นได้เหมือนกันหมดเลยจริงๆ ส่วนตัวผมชอบตัวละครน้อง ไผ่หลิวจริงๆ เป็นตัวละครที่โคตรจะแย่งซีน และบทพูดของตัวละครในเรื่องก็แสนจะมีมมากๆ อีกตัวละครที่ชอบเหมือนกัน ก็คงจะเป็น เมทัล แม่บ้านที่เกาจ้างเข้ามา รู้สึกว่าปกติเขาจะเป็นผู้กำกับ แต่มารับงานแสดงเรื่องนี้เรื่องแรก แถมเล่นได้ตีบทแตกจริงๆ แย่งซีนไม่แพ้น้องไผ่หลิวเลย เฉิดฉายจริงๆ
หลังจากรีวิวมายืดยาว จะขอพูดสรุปภาพรวมทั้งหมด และให้คะแนนภาพยนตร์เรื่องนี้กัน โดยรวมแล้วทำออกมาได้ดีใช้ได้เลย เสียดายที่บทมันอ่อนไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมของหนังออกมาแย่นะ ยังถือว่าเป็นหนังที่พอดูได้ แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคนจริงๆ มองว่าเรื่องนี้จะเป็นหนังที่คนชอบ ก็จะชอบและรักไปเลย รีวิวหนังน่าดู
ส่วนคนที่ไม่ชอบ ก็จะเกลียดแบบสุดๆ และรู้สึกเสียเวลา ดังนั้นก่อนไปดูก็คิดดีๆ แต่ถ้าอยากลองก็อยากแนะนำว่า ให้เข้าไปดูด้วยความไม่คาดหวัง ปล่อยให้เรื่องราวมันนำทางเราไป งานภาพ โปรดักชั่นต่างๆ ทำออกมาได้ดีเยี่ยม การตัดต่อการเล่าเรื่อง แม้จะมีบางช่วงที่งงๆ แต่รับประกันว่าดูรู้เรื่องแน่นอน ไม่ได้เป็นหนังอินดี้ หรือลึกขนาดนั้น ถือว่าเป็นหนังของพี่เต๋อที่ดูง่ายที่สุดแล้วมั้ง ส่วนสุดท้ายด้านการแสดง ก็เหมือนเดิม ใครเคยดูหนังพี่เต๋อก็จะรู้ ว่าตัวละครมันจะเป็นประมาณไหน ส่วนนี้พอรับได้ ไม่ได้ติดอะไร